จากผลสำเร็จของโครงการจำหน่ายสินค้าทั้งโครงการหลวง ดอยคำ โกลเด้น เพลซ ในปัจจุบัน ได้กลายเป็นร้านค้าและแบรนด์สินค้าที่ใครก็นึกถึง ซึ่งจุดเริ่มต้นของความสำเร็จเป็นโครงการแต่ละโครงการนี้ มาจากพระราชดำริ ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ต้องการช่วยเหลือประชาชนและแก้ปัญหาเรื่องความเป็นอยู่ของราษฎรชาวไทยทั้งสิ้น โดยได้นำหลักการตลาดการปรับซัพพลายที่ล้นตลาดมาแปรรูปให้เกิดสินค้าใหม่ๆ ที่เพิ่มคุณค่าให้กับตัวสินค้าเพิ่มขึ้น ไปพร้อมๆ กับสร้างอาชีพที่ยั่งยืนให้กับเกษตรกรไปในตัว แถมยังช่วยให้คนไทยมีสินค้าคุณภาพดี ราคาสมเหตุสมผลไว้รับประทานอีกด้วย
โครงการหลวงจากปลูกฝิ่นสู่พืชผลเมืองหนาว
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2512 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชรัชกาลที่ 9 พระราชดำเนินไปทอดพระเนตรชีวิตของชาวเขาที่บ้านดอยปุยใกล้พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ และทราบว่าชาวเขาที่นั่นมีอาชีพหลักปลูกฝิ่นและขายท้อพื้นเมือง และได้ทรงแนะนำชาวเขาปลูกท้อลูกใหญ่ที่สถานีทดลองไม้ผลเมืองหนาวของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้ทดลองนำกิ่งพันธุ์ท้อลูกใหญ่มาต่อกับต้นตอท้อพื้นเมืองเพื่อหาพันธ์ที่เหมาะสมกับอากาศและดินในประเทศไทย เพื่อให้ได้ท้อผลใหญ่ หวานฉ่ำ ที่ทำรายได้สูงไม่แพ้ฝิ่น พร้อมกับตั้งโครงการหลวงเป็นโครงการส่วนพระองค์ มีชื่อเรียกในระยะแรกว่า “โครงการหลวงพระบรมราชานุเคราะห์ชาวเขา” โดยพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ รวมกับเงินที่มีผู้ทูลเกล้าฯถวาย ใช้ดำเนินงานต่างๆ มีเป้าหมายช่วยชาวเขาเพื่อมนุษยธรรม ช่วยชาวไทยโดยลดการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ คือ ป่าไม้และต้นน้ำลำธาร กำจัดการปลูกฝิ่น รักษาดิน และใช้พื้นที่ให้ถูกต้อง คือ ให้ป่าอยู่ส่วนที่เป็นป่า และทำไร่ ทำสวน ในส่วนที่ควรเพาะปลูก อย่าสองส่วนนี้รุกล้ำซึ่งกันและกัน
จากวันนั้นถึงวันนี้โครงการหลวงจากพระราชดำริได้ฝ่าร้อยฝ่าหนาวผ่านการวิจัยและความร่วมมือจากนานๆ ประเทศมานานกว่า 47 ปี ได้แผ่กิ่งก้านสาขาช่วยเหลือราษฎร์โดยเฉพาะชาวไทยที่อาศัยอยู่ตามพื้นที่สูงของจังหวัดต่างๆมากกว่า 25,000 ครัวเรือน ในโครงการหลวงได้ประกอบอาชีพการเกษตรผ่านพืชผลทางการเกษตรที่หลากหลายทั้งผัก ผลไม้ ดอกไม้ ไม้ประดับ สมุนไพร ชา กาแฟอราบิก้า เห็ด พืชไร่ชนิดต่างๆ และผลิตภัณฑ์แปรรูป รวมถึงสินค้าหัตถกรรมที่เกิดจากฝีมือของแม่บ้านชาวเขาชนเผ่าต่างๆ
พร้อมการวางช่องทางการตลาดโพซิชั่นนิ่งสินค้าผัก ผลไม้ ดอกไม้ สมุนไพร เป็นสินค้าที่มีมาตรฐานความปลอดภัยทั้งมาตรฐานของประเทศไทย และมาตรฐานสากล ได้แก่ GAP, GLOBAL.GAP และมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ และจัดตั้งร้านโครงการหลวงเพื่อเป็นแหล่งจำหน่ายสินค้าการเกษตรจากคนไทยสู่คนไทยอย่างยั่งยืน
สหกรณ์ชาวเขา และ โรงงานอาหารหลวงแปรรูป คือที่มาของแบรนด์ดอยดำ ที่เกิดขึ้นครั้งแรกในปี 2515 จากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชรัชกาลที่ 9 ที่ทรงจัดตั้งขึ้นเพื่อผยุงราคาสินค้าพืชผลการเกษตร ไม่ให้ถูกพ่อค้าเอาเปรียบ โดยเฉพาะพืชผลการเกษตรจากชาวเขาที่พระองค์ทรงส่งเสริมให้ปลูกพืชผลเมืองหนาวทดแทนการปลูกฝิ่นและทำไร่เลื่อยลอย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ห่างไกลตัวเมืองและแหล่งรับซื้อจึงเปิดปัญหาพ่อค้าคนกลางกดราคา และพืชผลการเกษตรล้นตลาดในบางช่วงเวลา รวมถึงพืชผลไม่ได้ขนาดถ้านำมาจำหน่ายเป็นผลสด
ส่วนชื่อดอยดำใช้เป็นแบรนด์ที่หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนีเป็นผู้ประธานชื่อให้ในปี 2521 เพื่อใช้เป็นตัวแทนสินค้าจากโรงงานอาหารหลวงแปรรูป(ซึ่งเปลี่ยนชื่อเป็นดอยคำ) เพื่อใช้ในการทำตลาดจำหน่ายในประเทศและส่งออกไปยังต่างประเทศ และพระองค์ทรงจัดตั้งดอยคำเป็นนิติบุคคลในชื่อบริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด เพื่อดำเนินกิจการในรูปแบบธุรกิจเพื่อสังคมในปี 2537
จากวันนั้นถึงวันนี้ดอยคำคือตัวแทนของผลิตภัณฑ์การเกษตรแปรรูปที่เติบโตอย่างช้าๆ แต่ยั่งยืนมาโดยตลอด จนในปีที่ผ่านมา แบรนด์ดอยดำกลับได้รับความนิยมอย่างล้นหลามจากน้ำมะเขือเทศ ที่มีชาวโซเชียลดื่มและรีวิวว่ามีประโยชน์ต่อผิวพรรณ
แต่ธุรกิจย่อมเป็นธุรกิจเมื่อตลาดน้ำมะเขือเทศมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดและมีแบรนด์อื่นๆ เข้ามาร่วมเล่นตลาดนี้เพิ่มขึ้น พิพัฒพงศ์ อิศรเสนา ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด จึงได้ปรับเปลี่ยนโฉมแพคเก็จน้ำผลไม้ดอยคำใหม่ เพื่อให้มีความสดใสกล่องบรรจุเชิญชวนให้เห็นถึงความสดของผลไม้ข้างใน และลดอายุของแบรนด์ดอยคำให้ดูเด็กลง ไปพร้อมๆ กับบอกกับผู้บริโภคว่านอกจากน้ำมะเขือเทศซึ่งเป็นสินค้าหลักของน้ำผลไม้ดอยคำแล้วแบรนด์ดอยคำยังมีน้ำผลไม้อื่นๆ อีกด้วย
และในกลางปีที่ผ่านมา ดอยคำ ได้ตอกย้ำความเป็นแบรนด์น้ำผลไม้ 100% ที่ไม่แต่งสีแต่งกลิ่นและรสชาติ ยกระดับแบรนด์ให้เป็นสินค้าพรีเมี่ยมในราคาที่เป็นธรรมตามแนวทาง “เกษตรเพื่อชุมชน ผลิตผลเพื่อคนไทย ด้วยการ Educate ให้ผู้บริโภครับทราบถึงน้ำผลไม้ 100% ที่ไม่ปรุงแต่งแต่ละกล่องจะมีรสชาติไม่เท่ากัน จากผลไม้แต่ละลูกมีรสชาติไม่เท่ากัน และราคาของน้ำผลไม้แต่ละประเภทไม่เท่ากัน มาจากราคาของผลไม้ที่ใช้เป็นวัตถุดิบในการทำผลไม้ ผ่านภาพยนตร์โฆษณา ชุด “ดอยคำขอโทษ”
ในวันนี้จากจุดเริ่มต้นของโรงงานอาหารหลวงแปรรูปจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชดอยคำได้ขึ้นมาเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในตลาดน้ำมะเขือเทศด้วยส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 80% ของตลาดน้ำมะเขือเทศรวมและคาดการณ์รายได้ปีนี้ 1,800 ล้านบาทบนการทำธุรกิจที่ไม่แสวงผลกำไรมากจนเกินไป แต่ทำธุรกิจเพื่อให้ดอยคำและเกษตรกรอยู่รอดอย่างยั่งยืน
เมื่อเอ่ยเชื่อ โกลเด้น เพลซ ชื่อนี้อาจจะคุ้นหูเพียงสิบกว่าปีเท่านั้น เพราะโกลเด้น เพลซ ได้ถือกำเนิดขึ้นมาในปี 2544 โดยการดำเนินงานของบริษัท สุวรรณชาด จำกัดในพระบรมราชูปถัมภ์ หนึ่งในโครงการพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชรัชกาลที่ 9 เพื่อเป็นต้นแบบร้านค้าปลีกแบบยั่งยืนเกี่ยวกับสินค้าการเกษตรเพื่อคนไทยด้วยการส่งเสริมด้านการผลิตให้มีคุณภาพเสมอ เพราะโกลเด้น เพลซ เปรียบเสมือน”ตู้เย็น”ของประชาชนในแต่ละพื้นที่ให้รับประทานสินค้าเกษตร สินค้าเกษตรแปรรูปที่ปลอดภัยตามมาตรฐานสากล และเป็นช่องทางให้สินค้าจากท้องถิ่นที่มีคุณภาพส่งถือมือผู้บริโภคโดยตรงในราคาที่เป็นธรรมไม่ขาดทุน ผ่านโกลเด้น เพลซ 10 สาขาในปัจจุบัน
ด้วยคอนเซ็ปต์ของดีราคาประหยัดการกำหนดราคาสินค้าใน โกลเด้น เพลซจึงเป็นการกำหนดกำไรต่อหน่วยต่ำ เน้นการสร้างกำไรจากการขายเชิงปริมาณ และทำตลาดผ่านสินค้าคุณภาพจนเกิด Word of Mouth ปากต่อปากโดยไม่พึ่งงบโฆษณาประชาสัมพันธ์แต่อย่างใดและทำเลที่ตั้งไม่ไกลจากแหล่งผลิตมากนักเพื่อประหยัดค่าขนส่งอีกด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น